จักรพันธุ์ โปษยกฤต ลมหายใจของศิลปะไทย

          หลายปีมาแล้วไปได้ภาพวาดสีน้ำมันผู้หญิงใส่สไบนั่งสีซอมาภาพหนึ่ง เจ้าของเก่าบอกว่าวาดโดย จักรพันธุ์ โปษยกฤต สมัยเป็นนักเรียนมัธยม ตอนนั้นคิดในใจว่าเด็กมัธยมที่ไหนจะวาดภาพได้สวยขนาดนี้ น่าจะลองไปขอให้ศิลปินช่วยพิจารณาดูให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีกว่า คิดดังนั้นเลยไม่พูดพร่ำทำเพลงนัดกับเพื่อนรุ่นพี่ขับรถไปจอดที่บิ๊กซีเอกมัย แล้วแบกภาพข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างทุลักทุเลก่อนที่จะไปยืนชะโงกโชว์หน้าชะแล่มอยู่ข้างๆประตูเหล็กสีเขียวของ มูลนิธิ จักรพันธุ์ โปษยกฤต เรากดออดแล้วยืนขาสั่นรออยู่ ที่สั่นนี่ไม่ใช่เพราะว่าภาพที่กระเตงมามันหนัก แต่สั่นเพราะตื่นเต้นที่กำลังจะมีบุญได้พบศิลปินที่เราชื่นชอบตัวจริงซะที 

พอมีคนมาเปิดประตูให้แล้วได้เดินเข้าไปภายในรั้ว จากห้างสรรพสินค้าใหญ่โต คอนโดสูงเสียดฟ้า และรถราที่จอแจ ที่เพิ่งจะเดินผ่านมาเมื่อไม่ถึงอึดใจ ตอนนี้เรามาอยู่ท่ามกลางกลุ่มบ้านไม้แบบโบราณ รายรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อันแสนจะร่มรื่น บริเวณใต้ถุนบ้านที่เปิดโล่งรับลมเย็นจากในสวนมีโต๊ะทำงานจัดไว้ตามมุมต่างๆ แต่ละโต๊ะมีช่างฝีมือกำลังขะมักเขม้นสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งวาด ทั้งปั้น ทั้งแกะสลัก ทั้งปักผ้า ทั้งลงรักปิดทอง ทั้งบ้านทั้งคนให้บรรยากาศราวกับได้ย้อนกลับไปในอีกยุคอีกสมัยเหมือนในละครบุพเพสันนิวาส

จักรพันธุ์ โปษยกฤต
วิสุตา, 2508
95 x 77 ซม.
สีน้ำมันบนผ้าใบ

วันนั้นเราไม่ได้เจอพี่โป๊บแต่ได้พบกับ พี่ต๋อง วัลลภิศร์ สดประเสริฐ ศิษย์เอกของ จักรพันธุ์ โปษยกฤต ที่กรุณาออกมาต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จักรพันธุ์จะค่อยๆก้าวลงบันไดมาจากชั้น 2 เดินมาที่โต๊ะทานข้าวตัวใหญ่ที่พวกเรายืนล้อมวงกันอยู่ ด้วยความดีใจเราจึงรีบกราบท่านในแบบที่ก้มที่สุดเท่าที่พุงแน่นๆของเราจะงอได้ และขอเรียกท่านว่าอาจารย์ ในความรู้สึกส่วนตัวสรรพนามที่เรียกนี้ยังต่ำต้อยเกินไปด้วยซ้ำ เพราะสำหรับเราแล้วจักรพันธุ์เปรียบเสมือนเทวดาที่จุติลงมาเนรมิตภาพนางฟ้านางสวรรค์ที่งดงามไม่มีที่ติให้มนุษย์เดินดินธรรมดาอย่างเราได้ยลโฉม แต่ขืนวันนั้นถ้าเราทิ้งตัวนอนลงแนบพื้น ไปหมอบกราบอยู่ข้างๆหมาตัวเท่าหมูของท่านที่ใต้โต๊ะ แล้วเรียกท่านเป็นเทพ อาจารย์จักรพันธุ์คงคิดว่าเราเป็นบ้าแล้วเดินหนีตาลีตาเหลือกกลับขึ้นบ้านไปเป็นแน่ 

อาจารย์จักรพันธุ์ทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบด้วยความเมตตา คุยกันอยู่ซักพักก่อนที่เราจะโชว์ภาพที่แบกมาให้ท่านดู อาจารย์มองภาพแล้วนิ่งไปหลายวินาทีด้วยดวงตาที่ดูอิ่มเอมเป็นประกายปิ๊งปั๊ง เพิ่งมารู้ภายหลังว่าท่านรักผลงานทุกชิ้นของท่านดั่งเลือดเนื้อเชื้อไข ผลงานที่จากกันไปไม่ได้เห็นเป็นเวลานานพอได้เห็นอีกทีก็ดีใจเป็นธรรมดา วันนั้นท่านเล่าให้เราฟังอย่างละเอียดเป็นฉากๆว่าวาดภาพนี้ทำไม วาดที่ไหน วาดเสร็จแล้วเอาไปให้ใคร แล้วคนที่ได้เอาไปให้ใครต่อ ความทรงจำยังชัดเจนเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งๆที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อกว่าครึ่งศตวรรษที่แล้ว ภาพผู้หญิงสีซอภาพนั้นดูเก่ากึ๊กตามอายุ มีฝุ่นจับเกรอะกรัง อาจารย์คงทนเห็นเลือดเนื้อของท่านดูขมุกขมัวไม่ไหว เลยบอกให้เราฝากภาพเอาไว้เดี๋ยวท่านจะช่วยทำความสะอาดให้เอง เรากับเพื่อนรุ่นพี่เลยขอกราบลาแล้วเดินข้ามถนนกลับไปที่บิ๊กซี เพราะตื่นเต้นตลอดเวลาจนคิดว่านั่งคุยกับอาจารย์ไปแค่ 15 นาที แต่พอเจอค่าจอดรถบานตะไทถึงได้รู้ตัวว่าคุยกันไป 2 ชั่วโมงกว่า วันนั้นเป็นวันแรกที่เราได้พบ จักรพันธุ์ โปษยกฤต ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นนายช่างเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์, ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม, บุคคลดีเด่นของชาติสาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทย, และไอด้อลในดวงใจของเราเอง

จักรพันธุ์ โปษยกฤต เกิดเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ที่กรุงเทพฯ ท่านเป็นบุตรของนาย ชุบ และนาง สว่างจันทร์ โปษยกฤต จักรพันธุ์มีความสามารถในการวาดภาพมาตั้งแต่เล็ก ว่าไปแล้วน่าจะวาดเก่งตั้งแต่ชาติปางก่อนด้วยซ้ำเพราะวาดได้ปร๋อก่อนจะเขียน ก ไก่ ข ไข่ เป็นซะอีก เวลาผู้ใหญ่พาไปดูโขนตามงานวัด เมื่อกลับมาบ้านจักรพันธุ์ก็จะวาดตัวละครที่เห็นมา ทั้งตัวยักษ์ตัวนางท่านวาดออกมาแต่ละตัวมีรายละเอียดครบเป๊ะโดยไม่ต้องมีใครสอน

จักรพันธุ์เข้าเรียนชั้นประถมและมัธยมที่ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ในโรงเรียนนอกจากจะปลูกฝังด้านวิชาการและด้านกีฬาแล้ว พระยาภะรตราชา ผู้บังคับการโรงเรียนในสมัยนั้น ยังสนับสนุนด้านศิลปะ โดยจัดหาครูระดับปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงอย่าง เปรม ไสยวงษ์, นิโร โยโกต้า มาสอนวาด, และ ไพฑูรณ์ เมืองสมบูรณ์ มาสอนปั้น อีกทั้งทางโรงเรียนยังเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ส่งผลงานศิลปะเข้าแข่งขันในงานประกวด ตัวแทนนักเรียนที่ได้รับคัดเลือกก็หนีไม่พ้นจักรพันธุ์ ซึ่งตอนนั้นพอได้เริ่มเรียนศิลปะก็ยิ่งเก่งขึ้นอีกเป็นกอง เก่งขนาดที่ว่าครั้งหนึ่งทางโรงเรียนส่งผลงานของท่านขณะที่เรียนอยู่ชั้น ป.3 ไปร่วมประกวดศิลปะเด็กในงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ แต่ภาพวาดของจักรพันธุ์ดันถูกคัดออกตั้งแต่แรก เพราะสวยเกินจนกรรมการไม่เชื่อว่าเป็นผลงานของเด็ก ร้อนถึงพระยาภะรตราชาจนต้องไปเคลียร์กับอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ผู้จัดงานให้ได้ทราบข้อเท็จจริง 

ทั้งในเวลาเรียนและเวลาเล่นจักรพันธุ์ฝึกฝนฝีมือการวาดภาพอยู่เสมอ สมุดหนังสือของท่านไม่ว่าจะวิชาอะไรก็เต็มไปด้วยภาพวาด ที่โรงเรียนวชิราวุธหลังบ่าย 3 นั้นเป็นเวลาให้นักเรียนเล่นกีฬา ในขณะที่เพื่อนๆเตะบอลเล่นรักบี้ชู้ตบาส จักรพันธุ์มักย่องไปแอบวาดภาพอยู่ในตึก ในช่วงที่จักรพันธ์เรียนอยู่มัธยมปลาย บิดาของท่านได้พาไปพบ จำรัส เกียรติก้อง ศิลปินชั้นแนวหน้าของไทยที่มีชื่อเสียงด้านการวาดภาพบุคคลเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ และหลังจากนั้นญาติของจักรพันธุ์ยังได้พาท่านไปฝากเนื้อฝากตัวกับ อาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ท่านจึงได้ศึกษาศิลปะกับอาจารย์ศิลป์นอกเวลาเรียนอยู่พักใหญ่ เมื่อจักรพันธุ์จบชั้นมัธยมก็สอบเข้าคณะจิตรกรรม และประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากรได้สำเร็จ แต่เป็นที่น่าเศร้าที่อาจารย์ศิลป์ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนหน้านั้นไม่นาน จักรพันธุ์เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเมื่อพ.ศ. 2509 หลังจากนั้นก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาศิลปะไทยที่ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรต่ออีก 5 ปี ก่อนจะออกมาเป็นศิลปินอิสระอย่างเต็มตัวจนถึงปัจจุบัน

ไม่รู้ทำบุญมาด้วยอะไรจักรพันธุ์ถึงมีพรสวรรค์ในเรื่องศิลปะแทบจะครบทุกด้าน ในด้านจิตรกรรมฝีไม้ลายมือในการวาดภาพของท่านนั้นเป็นที่รู้กันทั่วว่าเก่งขั้นเทพจนได้รับรางวัลระดับชาติมาการันตีเพียบ ตั้งแต่สมัยที่จักรพันธุ์เป็นนักศึกษาอยู่ที่ศิลปากร เพื่อนๆเห็นฝีมือของท่านเลยพากันยุให้ส่งผลงานเข้าประกวดในงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติทั้งๆที่จักรพันธุ์ไม่ได้เป็นคนที่ชอบประกวดประขันอะไร เพื่อนๆยุจนได้ที่แล้วยังแถมจัดแจงมานั่งเป็นแบบให้จักรพันธุ์วาดเพื่อส่งเข้าแข่งขันอีก ปีแรกภาพที่ส่งประกวดจักรพันธุ์และเพื่อนๆคิดว่าสวยสุดยอดแต่ไม่รู้ทำไมกลับถูกกรรมการคัดออกก่อนการแสดงอย่างไม่เป็นท่า ปีถัดไปจักรพันธุ์เลยพยายามวาดอย่างสุดฝีมืออีกทีแล้วลองส่งเข้าประกวดใหม่ คราวนี้ได้ วิสุตา หัสบำเรอ เพื่อนนักศึกษาที่สวยโดดเด้งกว่าใครในกลุ่มมานั่งเป็นแบบให้ ภาพนี้เป็นภาพหญิงสาวสวยคมแบบไทย นั่งประสานมืออยู่บนเก้าอี้ในบรรยากาศดูลอยๆน่าพิศวง แววตาและสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ชัดเจนกระตุ้นให้ผู้ชมอดไม่ได้ที่จะพยายามจินตนาการถึงความรู้สึกของเธอ ยิ่งมองลึกลงไปก็ยิ่งน่าค้นหา ด้วยคุณสมบัติที่วิเศษ ในที่สุดภาพ ‘วิสุตา’ จึงได้รับรางวัลเหรียญทองแดง จากงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 16 ในปี พ.ศ. 2508 มีเรื่องเล่ากันว่าในการประกวดครั้งนั้น เฟื้อ หริพิทักษ์ อาจารย์ของจักรพันธุ์ที่ศิลปากร และหนึ่งในเป็นกรรมการตัดสิน มากระซิบว่าเดิมทีคณะกรรมการจะให้รางวัลที่สูงกว่า แต่เพราะอยากให้จักรพันธุ์ได้เก็บภาพไว้เป็นความภูมิใจจึงให้เหรียญทองแดง เพราะถ้าได้เหรียญทองหรือเหรียญเงินตามกฎแล้วภาพนั้นจะต้องถูกเก็บไว้เป็นสมบัติของมหาวิทยาลัยศิลปากร 

หลังจากนั้นจักรพันธุ์ก็ส่งผลงานเข้าประกวดในงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติอย่างต่อเนื่องและได้รับรางวัลอย่างสม่ำเสมอ ภาพ ‘สุวรรณี สุคณธา’ ได้รางวัลเหรียญเงิน ในพ.ศ. 2509, ภาพ ‘กลุ่ม’ ได้รางวัลเหรียญเงิน ในพ.ศ. 2512, ภาพ ‘ดวงตา นันทขว้าง’ ได้รางวัลเหรียญเงิน ในพ.ศ. 2514, ภาพ ‘หลง’ ได้รางวัลเหรียญเงิน ในพ.ศ. 2515, และภาพ ‘คนนั่ง’ ได้รางวัลเหรียญเงิน ในพ.ศ. 2516 และเป็นปีสุดท้ายที่ท่านส่งผลงานเข้าประกวด ไล่เรียงดูแล้วภาพวาดชุดที่ได้รับรางวัลทั้งหมดเป็นภาพเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่จักรพันธุ์รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในมหาวิทยาลัยศิลปากร จักรพันธุ์จึงสามารถวาดภาพที่แสดงบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของบุคคลคนนั้นได้อย่างแม่นยำ และทุกภาพก็ไม่ใช่ภาพเหมือนบุคคลแบบปกติ เพราะจักรพันธุ์ได้สร้างองค์ประกอบ บรรยากาศ แสงเงา และสีสัน ในแบบเหนือจริงที่ไม่เหมือนใคร

นอกเหนือจากผลงานชุดที่ได้รับรางวัล จักรพันธุ์ได้วาดภาพเหมือนบุคคลอีกมากมาย ทั้งพระบรมสาทิสลักษณ์พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ภาพพระสงฆ์องค์เจ้า ข้าราชการ นักธุรกิจ และลูกศิษย์ลูกหา ภาพเหมือนบุคคลของจักรพันธุ์นั้นมีการใช้สีและฝีแปรงที่เป็นรูปแบบเฉพาะของท่านเอง เราเคยไปนั่งดูจักรพันธุ์วาดภาพ ไม่ว่าภาพนั้นจะวาดด้วย สีน้ำมัน สีน้ำ หรือ สีชอล์ค ท่านก็ไม่ได้ใช้ดินสอร่างภาพก่อน แต่ใช้ความแม่นยำระบายสีลงไปเลย ภาพที่ออกมาเลยดูสะอาด ผิวพรรณของคนในภาพเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูดูมีชีวิตชีวา ใครได้มีโอกาสลองเทียบภาพที่จักรพันธุ์วาดกับคนจริงๆที่มานั่งตัวแข็งเป็นแบบให้ จะเห็นชัดเลยว่าคนในภาพดูสวยดูหล่อกว่าคนต้นฉบับอยู่มากโข ถ้ามีมนุษย์อัฉริยะคนไหนสามารถสร้างแอพที่ทำให้ภาพหน้าปกติกลายเป็นหน้าสไตล์จักรพันธุ์ขึ้นมาได้รับรองยอดโหลดถล่มทลายแน่นอน เพราะยุคสมัยนี้เวลาจะเอาภาพถ่ายหนังหน้าไปโชว์ใครก็มักต้องเอาภาพมาแต่งในแอพก่อนให้ดูได้เรื่องได้ราวจะได้ไม่อายชาวบ้านร้านตลาด แอพที่ทำให้ หน้าเรียว หน้าใส เบลอสิว ตาโต จมูกเรียว ปากชมพู ฟันขาว เลยมีคนโหลดกันเพียบ

ผลงานจิตรกรรมอีกรูปแบบหนึ่งที่จักรพันธุ์ชอบวาดเป็นพิเศษตั้งแต่เป็นเด็กคือภาพตัวละครในวรรณคดี เทพยดานางฟ้า และภาพหญิงงามอย่างไทย ภาพมนุษย์ในอุดมคติของอาจารย์ที่บรรจงวาดออกมาจากจิตนาการนั้นช่างอ่อนช้อย และดูสวยยิ่งกว่ามนุษย์ใดๆในโลก ถึงจะไม่ค่อยได้เห็นผลงานจริงเพราะทุกชิ้นมีเจ้าของที่หวงแหนราวกับไข่ในหิน แต่ทุกๆปีเราจะได้เห็นภาพเหล่านี้จาก ส.ค.ส. ของมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก และปฏิทินของบริษัทประกัน ตัวเราเองเวลาได้รับปฏิทินอะไรก็แล้วแต่ก็จะเอามาใช้ดูวันที่ ใช้ขีดๆเขียนๆ พอพ้นปีก็โยนทิ้งไป แต่ถ้าได้รับปฏิทินภาพผลงานจักรพันธุ์ 12 เดือน 12 ภาพมาเมื่อไหร่จะห่อเก็บขึ้นหิ้งไว้ทันทีตั้งแต่ต้นปี ที่ห่อเพราะสวยจนไม่กล้าจะใช้ วันเดือนปีไม่รู้ไม่เป็นไร

ในขณะที่จักรพันธุ์สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมแบบร่วมสมัย ท่านยังเป็นผู้สืบสานและต่อยอดจิตรกรรมแนวประเพณีของไทยไม่ให้ถูกมองว่าเป็นของเก่าของเชย ผลงานของจักรพันธุ์ไม่ได้ก๊อปปี้ของโบราณ แต่ต่อยอดด้วยรูปแบบและเทคนิคใหม่ที่ทันสมัยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พัฒนามายาวนานจนเรียกได้ว่าเป็น ‘สกุลช่างจักรพันธุ์’  ท่านได้มีโอกาสร่วมซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังในระเบียงวัดพระแก้ว วาดภาพประดับพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวช ออกแบบม่านเวทีการแสดงหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และ เวทีการแสดงที่โรงละครแห่งชาติ อีกทั้งยังได้สร้างสรรค์จิตรกรรมฝาผนังในวิหารวัดตรีทศเทพวรวิหาร กรุงเทพฯ และวัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นพุทธบูชา

ในด้านประติมากรรม จักรพันธุ์ได้สร้างผลงานสามมิติออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ภาพวาด ท่านได้ออกแบบควบคุมการสร้างผลงานชิ้นสำคัญเช่นประติมากรรมพระราชดำริในสมเด็จพระเทพฯ รูปเจ้าเงาะกับเด็กเลี้ยงควาย, รูปไกรทองสู้กับชาละวัน, และ เรื่องรามเกียรติ์ ตอนถวายลิง ที่ตั้งแสดงอยู่ที่ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จังหวัดสมุทรสงคราม จักรพันธุ์ยังได้สร้างพระพุทธมหาปารมีนุภาพพิสุทธิ์อนุตตรสังคามวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งดงามสุดๆในรูปแบบสกุลช่างของท่านเอง เพื่อนำมาประกอบฉากละครและให้เช่าบูชา

ทางด้านการแสดงจักรพันธุ์เป็นที่รู้จักมากที่สุดในเรื่องหุ่นกระบอก ตอนเล็กๆท่านเริ่มสนใจหุ่นกระบอกเพราะได้เห็นการแสดงของคณะครู เปียก ประเสริฐกุล ในทีวี จักรพันธุ์อินจัดจนถึงกับสร้างหุ่นและฉากแบบง่ายๆขึ้นมาเองจากเศษวัสดุเพื่อเอาไว้เชิดเล่น หลังจากนั้นอีกหลายสิบปีจักรพันธุ์ถึงได้มีโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์กับบุตรสาวของครูเปียกคือ ครูชื้น สกุลแก้ว เพื่อเรียนรู้วิธีการเชิดหุ่น และรำละครแบบจริงๆจังๆ จริงจังจนเกิดคณะหุ่นกระบอกจักรพันธุ์ขึ้นมาและแสดงโชว์เป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2518 ใน เรื่อง ‘พระอภัยมณี ตอนหนีนางผีเสื้อ’ และถัดไปอีก 2 ปีก็จัดแสดงอีกในเรื่อง ‘รามเกียรติ์ ตอนนางลอย’ จากนั้นคณะหุ่นกระบอกจักรพันธุ์ใช้เวลาทุ่มเทสร้างหุ่นสร้างเครื่องแต่งกายและสร้างฉากใหม่อีกนับสิบปีเพื่อจัดแสดงเรื่อง ‘สามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ’ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อพ.ศ. 2530 การแสดงครั้งนั้นยิ่งใหญ่ราวกับหนังฟอร์มยักษ์แบบที่ไม่มีคณะหุ่นกระบอกที่ไหนเคยลงทุนทำถึงขนาดนี้มาก่อน 

หลังการแสดงประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จักรพันธุ์ไม่รีรอที่จะเริ่มวางแผนการแสดงในเรื่องถัดไป โดยหมายมั่นปั้นมือให้ยิ่งใหญ่วิลิศมาหราขึ้นไปอีก จึงเป็นต้นกำเนิดของเรื่อง ‘ลิลิตตะเลงพ่าย’ ที่รวบรวมเอาศิลปินแห่งชาติ และเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายแขนงมาร่วมงาน หุ่นกระบอกชุดนี้สร้างขึ้นมาด้วยกลไกล้ำยุค ร่ายรำขยับเขยื้อนคว้าหอกคว้าดาบ ได้ราวกับคนจริงๆ เสื้อผ้าหน้าผมเครื่องประดับก็สร้างขึ้นมาอย่างวิจิตรแบบจัดเต็มใช้ทั้งทอง ทั้งเพชรนิลจินดา ทั้งผ้าราคาแพงแบบไม่มีกระมิดกระเมี้ยน ลุยสร้างหุ่น ฉาก บทละคร ดนตรี กันมาร่วม 30 ปี ยาวนานกว่ามหรสพเรื่องไหนในโลก จนวันนี้เกือบเสร็จแทบจะครบทุกฉากแล้ว ที่ผ่านมามีการซ้อมการแสดงลิลิตตะเลงพ่ายกันอยู่เสมอที่มูลนิธิฯโดยเปิดให้เข้าชมฟรี แถมในงานยังมีซุ้มอาหารของคาวของหวานเจ้าอร่อยจากแม่ยกพ่อยกมาเสิร์ฟให้กินกันแบบไม่อั้น ซ้อมแต่ละทีเลยมีคนมาดูครั้งละสี่ห้าร้อยคน จากบ้านเงียบๆเลยกลายเป็นงานวัดย่อยๆ ถ้าผ่านไปแถวเอกมัยแล้วรถติดนั่นเป็นเพราะลิลิตอย่าคิดว่ามีคอนเสิร์ตเบิร์ด ธงไชย

นอกจากการวาด การปั้น และการแสดงแล้ว จักรพันธุ์ยังเป็นนักเขียนฝีมือเยี่ยม ท่านใช้นามปากกาว่า ‘ศศิวิมล’ ชื่อนี้ถูกตั้งให้โดย สุวรรณี สุคนธา นักเขียนชื่อดังและเป็นรุ่นพี่ที่ศิลปากร ศศิวิมลเขียนบทความเกี่ยวกับ ศิลปะ, ท่องเที่ยว, สังคม, หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่จักรพันธุ์ได้ไปพบเจอมา บทความของท่านถูกตีพิมพ์ลงนิตยสาร ‘ลลนา’ นิตยสารที่แนวที่สุดในยุคนั้น พอเขียนไปเยอะๆก็มีการรวบรวมมาพิมพ์เป็นเล่ม กลายเป็นหนังสือขายดีจนต้องพิมพ์ซ้้ำหลายครั้ง อีกทั้งยังได้รับรางวัลจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติด้วย หลังลลนาปิดตัวลงจักรพันธุ์ยังตีพิมพ์บทความต่อในนิตยสาร ‘พลอยแกมเพชร’  นอกจากนี้ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่จักรพันธุ์เขียนและตีพิมพ์ขึ้นมาเผยแพร่เช่น หุ่นไทย, หุ่นวังหน้า, หุ่นจักรพันธุ์, คิดถึงครู ไปลองหาอ่านกันดูได้

จักรพันธุ์ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะไว้มากมายจนเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ถึงผลงานของท่านจะเป็นที่นิยมและมีราคาสูงแค่ไหน ท่านก็ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะเรียบง่าย เงินทองที่ได้จากน้ำพัักน้ำแรงจักรพันธุ์เลือกที่จะนำไปดูแลลูกศิษย์ลูกหาสร้างศิลปินที่จะสานต่อศิลปะไทยในแขนงต่างๆ และเป็นทุนในการสร้างหุ่นกระบอกที่สุดแสนจะวิจิตรด้วยความมุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ไว้ไม่ให้เลือนหายไปกับกาลเวลา อีกทั้งท่านยังกำลังก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์บนเนื้อที่กว้างขวางแถวๆวัชรพล พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เมื่อแล้วเสร็จจะใช้เป็นที่เก็บรักษาและจัดแสดงผลงานศิลปะที่จักรพันธุ์ได้สร้างสรรรค์ขึ้นมาตลอดชีวิต ฝากไว้เป็นสมบัติคู่แผ่นดินไทยให้สาธารณชนได้ชื่นชมภูมิใจ

          การที่พวกเราร่วมกันสนับสนุนศิลปะของบ้านเราเมืองเราให้พัฒนาและดำรงไว้ตราบชั่วลูกชั่วหลาน ก็เป็นการสร้างสาธารณประโยชน์ที่ใหญ่หลวงอีกวิธีหนึ่ง ไปกันเถอะไปกันที่มูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต ใกล้แค่เอกมัยนี่เอง ไปอุดหนุนโปสการ์ด ภาพพิมพ์สวยๆ หนังสืออ่านสนุก พระพุทธรูปองค์งาม ซื้อติดไม้ติดมือกันคนละนิดคนละหน่อย ได้ของดีแบบที่ไม่มีขายในห้าง แถมยังมีส่วนช่วยต่อลมหายใจศิลปะไทยที่นับวันจะแผ่วเบาให้ยืนยาวแข็งแรง

          ป.ล. หลังจากฝากภาพผู้หญิงสีซอไว้เดือนกว่า พี่ต๋องก็โทรตามให้ไปรับคืน อาจารย์จักรพันธุ์ท่านจัดการขัดสีฉวีวันให้จากผู้หญิงตัวคล้ำๆมอมๆ กลับมีผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย เครื่องประดับที่เธอสวมใส่จากที่เคยดูหมองๆก็กลับมีประกายระยิบระยับเพิ่มขึ้นมา เห็นอีกทีแทบจะจำไม่ได้เพราะเธอดูดีขึ้นอีกเป็นกอง สวยครบจบในที่เดียวได้อย่างนี้ หมอเกาหลีชิดซ้ายไปเลย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก