เรื่องบ้านๆของการประมูล
ในงานประมูลระดับนานาชาติที่ภาพวาดชิ้นนั้นประมูลได้ 10 ล้าน ภาพวาดชิ้นนู้นประมูลได้ 100 ล้าน ภาพวาดชิ้นโน้นประมูลได้ 1000 ล้าน เสพข่าวพรรณนี้เข้าไปมากๆ จนทำให้รู้สึกราวกับว่าการประมูลศิลปะเป็นเรื่องของมหาเศรษฐี เจ้าชายอาหรับ ผู้นำเผด็จการ ดาราฮอลลีวู้ด ที่ต้องมีเงินเป็นกองเท่าภูเขาเลากาแบบที่ใช้ชาตินี้ยันชาติหน้าก็ไม่หมดถึงจะมีสิทธิ์ไปเอี่ยวได้ ชาวบ้านตาดำๆธรรมดาที่มีใจรักศิลปะอย่างเราคงไม่น่าจะมีปัญญาไปข้องเกี่ยวอะไร แต่ด้วยต่อมเผือกที่อยากจะรู้อยากจะเห็นไปหมดเสียแทบทุกเรื่อง เราเลยลองทำตัวเบลอๆเข้าไปมีส่วนร่วมกับเขาบ้าง และแล้วหลังจากที่ไปเสนอหน้ามาหลายงานจึงได้เรียนรู้ว่าการประมูลศิลปะระดับอินเตอร์นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ และบ้านๆ กว่าที่เราคิดไว้เยอะ ใครๆ ก็ร่วมวงได้ไม่ยาก จนเราอยากจะแนะนำให้ทุกๆ คนลองไปประมูลเล่นดูเป็นประสบการณ์สนุกๆ ซักครั้งด้วยซ้ำไป
ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรถ้าพาดหัวข่าวจะเลือกนำเสนอแต่ผลการประมูลที่จบไปด้วยราคาแบบอภิมหาบรมโคตรสูง เพราะถ้าขืนออกข่าวไปว่าภาพวาดชิ้นนี้ประมูลขายไปได้ 5000 ชิ้นนั้นประมูลไปได้ 8000 คงไม่มีใครสนใจเปลืองเนื้อที่ข่าวเสียเปล่าๆ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วผลงานศิลปะมากมายมหาศาลในการประมูลทั่วโลกนั้นไม่ได้มีราคาสูงโด่เด่อะไร ไอ้พวกชิ้นที่แพงจัดๆนั้นมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับของราคาที่จับต้องได้ ถ้าอยากจะดูว่าของที่เขาประมูลกันนั้นมีอะไรบ้างและราคาเท่าไหร่ ก็ลองเข้าไปส่องดูได้ในเว็บไซต์ของบริษัทประมูลต่างๆได้ บริษัทที่ใหญ่โตกว่าเขาเพื่อนก็เห็นจะมี คริสตี้ส์ (Christies) กับ ซอเธอบี้ส์ (Sotheby’s) ส่วนที่ย่อมๆลงมาก็อย่างเช่น บอนแฮมส์ (Bonhams), ฟิลลิปส์ (Phillips), เฮอริเทจ ออคชั่นส์ (Heritage Auctions), และอีกมากมายร้อยแปด ในเว็ปไซด์ของบริษัทเหล่านี้เราจะเห็นลิสต์วันที่ของงานประมูลที่กำลังใกล้เข้ามา เห็นรูปภาพและรายละเอียดของที่ถูกส่งเข้าประมูล ซึ่งของพวกนี้ไม่ได้มีแค่ผลงานศิลปะ แต่มีหมดตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ เคยเห็นแม้กระทั่งจรวดขีปนาวุธพิสัยไกล มัมมี่อียิปต์ หรือ อึศิลปินอัดกระป๋อง ของอะไรมีราคาขายได้รับประกันว่าเคยมีคนเอามาประมูลแล้วทั้งนั้น ของทุกชิ้นที่ถูกส่งเข้าประมูลจะมีราคาประเมินที่กำหนดขึ้นมาโดยผู้เชี่ยวชาญโชว์หราเอาไว้ด้วย คนซื้อจะได้ไม่ต้องเดาเอามั่วๆว่าของแต่ละชิ้นนั้นมีมูลค่าประมาณเท่าไหร่ ราคาประเมินที่โชว์ไว้ส่วนมากทางบริษัทเขาจะตั้งต่ำกว่าราคาตลาดไว้หน่อยจะได้กระตุ้นให้คนเข้ามาประมูลเยอะๆเป็นการเรียกแขก
สมมุติว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ลุงป้าน้าอาเข้าไปดูในเว็ปไซด์แล้วเกิดถูกอกถูกใจอยากได้สมบัติบ้ามานอนกอดที่บ้านอีกซักชิ้นสองชิ้น วิธีการถัดไปก็ไม่ยากแค่อีเมลล์หรือโทรไปลงทะเบียนกับบริษัทประมูลเจ้านั้นได้เลย บริษัทนานาชาติพวกนี้บางเจ้าเขามีออฟฟิศที่เมืองไทยด้วยอย่าง คริสตี้ส์ และซอเธอบี้ส์ ก็คุยง่ายหน่อย สิ่งที่เขาจะขอคือสำเนาบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต บิลค่าน้ำค่าไฟที่มีชื่อเราอยู่ โชว์ว่าเราเป็นมนุษย์ที่น่าเชื่อถือมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง และบางครั้งเขาอาจจะขอดูยอดเงินฝากในบัญชีธนาคารที่มียอดอย่างน้อยเท่ากับราคาประเมินต่ำสุดของสิ่งที่เราอยากจะประมูล แค่นี้ก็เรียบร้อยเตรียมตัวเสียตังค์ได้
ก่อนวันประมูลบริษัทแม่งานมักจะมีการจัดแสดงของที่จะประมูลให้ผู้ที่สนใจให้มาส่องดูรายละเอียดหยุมหยิมจากชิ้นจริงเสียก่อน ถ้าเป็นเจ้าใหญ่ๆ และของเป็นชิ้นสำคัญ เขามักจะเอาไปตระเวนโชว์ทั่วโลก งานโชว์นี้บางทีก็จัดยิ่งใหญ่อลังการเวิ่นเว้อมากจนแค่ไปเดินดูเฉยๆ ก็รู้สึกว่าชาตินี้เกิดมาไม่เสียชาติเกิดแล้ว อย่างล่าสุดเราได้มีบุญไปดูงานโชว์ของที่กำลังจะถูกประมูลโดยซอเธอบี้ส์ที่ฮ่องกง บริษัทพี่แกเล่นเหมาคอนเวนชั่นฮอลล์ทั้งชั้นขนาดพอๆกับเมืองทองธานี แล้วขนเอากรุสมบัติที่ว่าเด็ดสะระตี่ที่สุดในสามโลกมาโชว์กันให้พรึ้บ มีทั้งเพชรเม็ดโตขนาดเท่ามะยงชิดที่ส่องประกายวูบวาบทำเอาตาเราแทบบอด โครงกระดูกช้างแมมมอธอายุหลายหมื่นปีที่เจอครบทุกชิ้นแม้กระทั่งปลายนิ้วก้อย ถ้วยน้ำชาโบราณที่ขนาดฮ่องเต้ยังไม่กล้าหยิบเอามาใช้ ที่เราถูกใจที่สุดเห็นจะเป็นโซนที่จัดแสดงงานศิลปะ ที่ไม่รู้ไปสรรหากันมาจากไหนมีครบทั้ง ปีกัสโซ, โมเนต์, แวนโก๊ะ, เรอนัวร์, เซซาน, โกแก็ง, มาติส, โมดิจิอานี, วอร์ฮอล ฯลฯ ให้ไล่เรียงแค่ชื่อคงเต็มหน้าไม่ต้องเล่าเรื่องอื่นกันพอดี การจะได้เห็นของพวกนี้ถ้าเป็นพิพิธภัณฑ์หลายแห่งเขาเก็บตังค์ แต่งานโชว์อย่างนี้เขาให้ดูฟรี เพราะบริษัทประมูลเขาอยากจะขายของไม่ได้อยากจะขายตั๋ว
พอถึงวันประมูลถ้าเราโผล่ไปร่วมงานเอง หลังจากลงทะเบียนเขาจะเอากระดาษที่มีหมายเลขของเราตัวโตๆให้ไว้แผ่นหนึ่งกับแคตตาล็อกของที่จะประมูลกัน จากนั้นเราก็ไปสถิตย์อยู่ในมุมเหมาะๆฮวงจุ้ยดีๆในห้องจัดการประมูล ห้องนีี้ทุกบริษัทจะเซ็ทอัพคล้ายๆ กัน คือมีเก้าอี้เยอะๆ ให้เราเลือกนั่ง ด้านหน้ามีเวทีที่มีโพเดียมกับฆ้อนที่ใช้เคาะจบการประมูล ฉากเวทีมีจอแสดงภาพและราคาของที่กำลังประมูลอยู่ วิธีการประมูลก็แสนจะซิมเปิ้ลพอถึงรายการของที่เราอยากได้ ถ้าเราอยากเสนอราคาก็แค่ชูกระดาษที่มีตัวเลขประจำตัวเราขึ้นมาตอนที่ผู้ดำเนินงานบนเวทีขานตัวเลขราคาที่เราสู้ไหว สลับกันยกสลับกันชูสู้กันไปเรื่อยๆจนไม่มีใครเสนอราคาที่สูงกว่า ผู้ดำเนินการประมูลก็จะนับถอยหลังก่อนจะเอาฆ้อนทุบโต๊ะเสียงดังป๊อกเป็นการสิ้นสุดการประมูลของของชิ้นนั้น
ขอเตือนไว้ก่อนด้วยความหวังดีว่าเวลาประมูลอย่าลืมคิดงบไว้ในใจหรือจะให้ดีเขียนเอาไว้ดูกันลืมด้วยล่ะ ไม่ใช่จังหวะนั้นอารมณ์พาไปอะดรีนาลีนพุ่งพล่านเผลอยกป้ายไปเรื่อยๆ สู้กับคู่แข่งที่บ้าเลือดพอๆ กันเดี๋ยวต้องขายบ้านขายรถมาจ่ายจะซวยไม่ใช่น้อย
ส่วนใครที่ไม่สะดวกบินลัดฟ้าไปประมูลด้วยตนเองก็ไม่ใช่ปัญหา ถึงตัวจะนอนล่อนจ้อนอยู่กับบ้านแต่เราก็สามารถจะร่วมประมูลได้ด้วยวิธีง่ายๆ หลายวิธี วิธีแรกคือบอกเจ้าหน้าที่บริษัทประมูลไว้ล่วงหน้าว่าเราอยากได้ของชิ้นนั้นชิ้นนี้ในราคาเต็มที่ไม่เกินเท่านั้นเท่านี้ พอถึงเวลาประมูลจริงถ้าไม่มีใครให้สูงกว่าราคาที่เราเสนอไปเราก็จะชนะ และนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าเราให้ราคาสูงสุดไว้ที่ 10 บาทแล้วเราจะต้องจ่าย 10 บาท สมมุติกฎของการประมูลคือขยับราคาขึ้นทีละ 1 บาทถ้าคู่แข่งของเราสู้ราคาสูงสุดที่ 8 บาทแล้วไม่สู้ต่อ เราในฐานะผู้ชนะจะต้องจ่ายมากกว่าเขา 1 บาทรวมเป็น 9 บาท หวังว่าคงไม่งง
วิธีที่ 2 คือการประมูลทางโทรศัพท์ ทำได้โดยการบอกเจ้าหน้าที่ของบริษัทประมูลว่าเราสนใจของชิ้นไหนบ้างแล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เขา พองานประมูลใกล้จะเริ่มจะมีเจ้าหน้าที่ลองโทรมาหาเราก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าเบอร์โทรศัพท์ของเราใช้ได้สัญญาณดีฟังรู้เรื่อง หลังจากนั้นซักพักพอใกล้ๆ จะถึงคิวของที่เราแจ้งไว้ว่าสนใจกำลังจะถูกเอาขึ้นประมูลเจ้าหน้าที่คนเดิมจะโทรมาใหม่แล้วทำหน้าที่ยกป้ายแทนเรา บอกให้ลุยก็ลุยบอกให้หยุดก็หยุด เป็นดั่งร่างทรงอวตารของเราที่ยืนอยู่ในงาน
อีกวิธีสำหรับคนที่ไปเสนอหน้าในงานประมูลเองไม่ได้แต่อยากจะมีส่วนร่วม คือเข้าไปในเว็ปไซต์ของบริษัทประมูลแล้วแฝงตัวเสนอราคาแข่งกับคนในห้องประมูลแบบสดๆทางออนไลน์ ในห้องประมูลจะมีเจ้าหน้าที่คนนึงนั่งจ้องอยู่หน้าจอตลอดเวลาแล้วจะคอยยกมือประมูลแทนคนที่เสนอราคามาแบบสดๆทางอินเตอร์เน็ต แต่วิธีนี้เราไม่เคยใช้เพราะเน็ตบ้านเราสัญญาณขาดๆหายๆดูหนังกระตุกกึกๆ กักๆ ไม่เคยจบเลยซักกะเรื่อง ขืนเราไปประมูลออนไลน์แบบเรียลไทม์มีหวังแพ้แหงแก๋
หลังเสร็จสิ้นภารกิจถ้าหากของชิ้นนั้นเราเป็นผู้ชนะการประมูล ก็นัดแนะจ่ายตังค์กันซะให้เรียบร้อย จะจ่ายเงินสด บัตรเครดิต หรือจะโอนเงินก็ได้ตามแต่สะดวก อีกข้อที่ให้พึงระลึกเอาไว้เสมอคือตอนจ่ายตังค์จากราคาที่เราประมูลได้ทางบริษัทเขาจะบวกค่าดำเนินการไปอีกประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่นโยบายของแต่ละบริษัท เพราะฉะนั้นเวลาประมูลก็ให้คิดถึงค่าต๋งนี้เผื่อเอาไว้ด้วย ค่าใช้จ่ายอีกส่วนถ้าหากเราประมูลของมาจากต่างประเทศคือค่าขนส่งกับภาษีนำเข้า เจ้าที่จัดประมูลเขาแนะนำบริษัทชิปปิ้งให้ได้ แต่ถ้าเราจะหาบริิษัทชิปปิ้งที่ถูกอกถูกใจเองเขาก็ไม่ว่า
คราวนี้พอรู้วิธีการประมูลกันแล้วคำถามต่อไปคือ เราจะไปประมูลอะไรกันดี? อันนี้ก็แล้วแต่ชอบแล้วแต่ถนัด ส่วนตัวเรานิยมไปตามประมูลผลงานของศิลปินไทยด้วยหลายเหตุผล เหตุผลแรกคือเราไม่มีปัญญาจะไปประมูลผลงานศิลปะชิ้นท๊อปๆ ของศิลปินระดับโลกได้ ถ้าฟิตจัดๆน้ำหน้าอย่างเราอย่างมากก็อาจจะซื้อได้แค่ผลงานชิ้นง่อยๆ ของศิลปินฝรั่งดังๆ ในขณะที่เงินจำนวนเท่ากันถ้าเอามาลงทุนในผลงานศิลปะฝีมือชาวไทยรับประกันว่าได้ชิ้นเจ๋งๆของศิลปินที่เก่งที่สุดในประเทศได้เลย เราจึงถือคติที่ว่า เป็นหัวหมาดีกว่าหางมังกร
เหตุผลถัดไปที่เราสนใจการประมูลศิลปะไทยในต่างประเทศเพราะบางทีก็มีลูกฟลุ็คได้ผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมของชาติในราคาเด็กวาด เพราะในอดีตผลงานศิลปะไทยระดับสุดยอดมากมายถูกซื้อไปในราคาไม่แพงโดยชาวต่างชาติแล้วกระจัดกระจายออกไปอยู่ในต่างประเทศ พอเจ้าของงานศิลปะตายลูกหลานก็ชอบนักชอบหนาที่จะเอามาประมูลขายแล้วตั้งราคาแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ พอผลงานศิลปินไทยอยู่ดีๆหลงไปโผล่ในงานประมูลไกลๆที่ไหนในโลกซักแห่งที่คนแถวนั้นเขาไม่อินด้วย เล็ดรอดสายตานักสะสมชาวไทยไป ราคาประมูลก็มักจะจบแบบแทบจะได้เปล่าจนน่าตกใจ
อีกเหตุผลที่เราพยายามจะร่วมประมูลเสมอทุกครั้งถ้ามีโอกาสเพราะเราต้องการจะช่วยพยุงและผลักดันราคาผลงานศิลปะไทยให้สูงๆ เข้าไว้ ในต่างประเทศเวลาใครจะตีมูลค่าผลงานศิลปะเขามักจะดูจากสถิติราคาในงานประมูลระดับสากลเป็นหลัก ที่ผ่านมาผลงานศิลปะบ้านเรามีราคาแต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเราชอบซื้อขายกันเองแบบส่วนตั๊วส่วนตัวชาวโลกไม่ได้รับรู้ข้อมูลพวกนี้ด้วย ผลงานศิลปะไทยในตลาดสากลเลยไปไม่ถึงไหน ต่างกับชาติเพื่อนบ้านในเอเซียที่เขารู้งานใช้ประโยชน์จากการประมูลเป็น ราคาผลงานศิลปะของเขาเลยกระโดดไปไกลเกือบจะเท่าศิลปินดังๆของฝรั่ง เพราะเป็นซะอย่างนี้เราจึงควรช่วยกันไปประมูลคนละไม้คนละมือสร้างมาตรฐานราคาให้ชาวโลกเห็นกันถ้วนทั่วว่างานศิลปะของเราไม่ใช่สิวๆ
แบไต๋มาซะขนาดนี้หวังว่าจะได้เห็นคนไทยไปร่วมงานประมูลกันเยอะๆ วงการจะได้คึกคัก ผลงานศิลปะไทยจะได้มีราคา แต่ถ้าวันหน้าวันหลังไปจ๊ะเอ๋กันเห็นเรามือสั่นงันงกยกป้ายประมูลอะไรอยู่ก็อย่าใจร้ายใจดำกระหน่ำเสนอราคาแข่งกับเราเลย คนกันเองทั้งนั้น ขอเถอะนะ พลีสสสสส